[Intro]
มันชักเริ่มจะง่วง ตอนนี้การหลับคือสิ่งที่ต้องการ
ไม่มีข้อความที่เด้งมาซักแบบเมื่อก่อนที่ต้องอ่าน
เปลือกตามันเริ่มจะปิด ยังมีเสี้ยวแรงที่จะยื้อ
ลืมตาขึ้นอีกซักนิด ไม่มีอะไรมาเกี่ยวจิตมารื้อ
ยังมีงานที่ทำไม่เสร็จอีกมากมาย
ความขี้เกียจก็เริ่มตั้งไว้อยู่ทาบกาย
ครูไม่ได้เขียนหมายเหตุไว้ว่านักเรียนห้ามตาย
มันชักเริ่มจะง่วง อยากจะร่วงตัวบนเตียงนอน
ห่มผ้าป้องแอร์ที่เย็นฉ่ำ ความคิดปล่อยให้เป็นแค่เพียงกลอน
หนังเปิดค้างไว้ยังดูไม่จบ หยุดเล่นไว้ก่อนไม่เพียงตอน
แข้งขามันเริ่มสงบ กระทบกับหมอน เริ่มเอียงอ่อน
ไม่ไหว ใจเริ่มสงบ เปลือกตาทั้งสองมันเริ่มบรรจบ
สติสตางค์ยังอยู่ครบ แต่ยังมีงานต้องเคลียร์ต้องสู้รบ
[Verse]
นอนไป ไม่ต้องไปแคร์ล่ะใครสน
สมองยังคงทำงาน แม้เราสัมผัสไม่ได้ภายในขน
เรื่องที่ค้างคาก็ยังเก็บซ่อนมันค้างเอาไว้ในใจผม
เครียดให้ตายยังไงก็ยังคงมีสิ่งเยียวยากันไปถม
เลิกการคิดมากอย่างเรื่องมะม่วงหิมพานต์เป็นพืชหรือผลไม้
ไม่เสียใจที่ไม่เป็นคนแรกหรือต้องเป็นคนสุดท้าย
ถึงคราวต้องเลิกคิด จึงพักผ่อน ให้ความเป็นจริงชะงัก พิงพนัก
ต้องตัดตอน เมื่อเช้าเจอเรื่องแย่มามากเท่าไร ตอนนี้ต้องหลับนอน
ลมปากที่พุ่งเข้าใส่ คำจากคนที่ไม่รู้อะไร แดกดันกระแทกแบบกัดกร่อน
ช่างมันปะไรแค่การขนาบเทียบวัดจากไม้บรรทัดอ่อน
ผิดถูกของมาตราส่วน
คิดให้ดีหลังวนสถูป ในสิ่งที่คิดว่าเกี่ยว ลิขิตชีวิตว่าเดี๋ยว
อีกไม่นาน ความสุขจะเหมือนดอกไม้ที่ผลิให้บาน
สอบวิชาที่ไม่ถนัด คะแนนก็เลือกที่จะคว่ำจะเท
อยู่กับเพลงในคืนสงัด ในนามคนนท์ ชาญคลีเช่
ถึงดาวประดับฟ้า แต่การสดับมันไม่ได้มีแค่เพลงที่ดัง
ที่ติดชาร์ต หรือดนตรีที่ผิดคาดกับยุค หรือท่อนฮุคที่ฟังแล้วติดมาก
เนื้อหาที่ชวนจูง ดูดเราไป รู้สึกฝืนใจให้ปิดยาก
แต่ดนตรีนี้มันเริ่มจะฉุดให้เอนลงนอนโดยไม่ต้องพยาพยาม